AI ช่วยหางานได้จริงหรือ? ข้อควรระวังที่ต้องรู้

Published on
Written by

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูทั้ง ข้อดี และ ข้อควรระวัง ของการใช้ AI เป็น “ผู้ช่วยหางาน” ของคุณ โดยเฉลี่ยแล้ว มีใบสมัครมากถึง 250 ใบ ต่อหนึ่งตำแหน่งงานในองค์กร นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสเพียง ประมาณ 0.40% ที่จะได้รับการคัดเลือกในแต่ละตำแหน่ง ด้วยเหตุผลนี้ ผู้หางานจำนวนมากจึงเริ่มหันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตนเองโดดเด่นและได้งานมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการ ปรับแต่งโปรไฟล์ LinkedIn หรือเรซูเม่ให้เหมาะสม การเขียนอีเมลสมัครงานให้น่าสนใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างของการใช้ AI เพื่อช่วยให้คุณมีโอกาสมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้คุณ “แตกต่าง” จากผู้สมัครรายอื่น แต่ก็มีคำถามสำคัญตามมา คือ การใช้ AI กับเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างการหางานนั้น มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?

เริ่มต้นที่ข้อดีกันก่อน

สำหรับใครที่เคยผ่านการหางานมาคงรู้ดีว่ากระบวนการนี้เหนื่อยและใช้เวลามาก ทั้งการคัดกรองประกาศรับสมัครงานนับร้อย การปรับเรซูเม่ให้ตรงตามแต่ละตำแหน่ง และการหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในแต่ละใบสมัคร

แล้ว AI จะช่วยคุณประหยัดเวลาและเพิ่มโอกาสได้อย่างไร?

เริ่มจากการเข้าใจระบบ Applicant Tracking System (ATS) และเหตุผลว่าทำไมจึงสำคัญ

Applicant Tracking System (ATS) หรือ “ระบบติดตามผู้สมัครงาน” คือซอฟต์แวร์ที่องค์กรส่วนใหญ่ใช้ในการคัดกรองใบสมัครในขั้นต้น และในปัจจุบัน กว่า 75% ของบริษัทต่าง ๆ ใช้ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบนี้ เพื่อช่วยกรองเรซูเม่และจดหมายสมัครงานก่อนถึงมือของฝ่ายบุคคลหรือผู้จัดการฝ่ายสรรหา นั่นหมายความว่า การปรับแต่งเรซูเม่ให้เหมาะสมกับ ATS ไม่ใช่แค่เรื่องควรทำ แต่กลายเป็นเรื่องจำเป็น หากคุณต้องการให้เอกสารของคุณผ่านเข้าสู่รอบสัมภาษณ์ ATS จะทำหน้าที่ สแกนเอกสารสมัครงาน โดยอิงจากคีย์เวิร์ดเป็นหลัก เพื่อพิจารณาว่าเรซูเม่ของคุณตรงกับความต้องการของตำแหน่งหรือไม่ หากเอกสารของคุณไม่มีคำสำคัญที่ระบบกำลังมองหา ไม่ว่าจะมีประสบการณ์มากแค่ไหนก็ตาม ก็อาจถูกคัดออกตั้งแต่ต้น

ดังนั้น การเลือกใช้คำให้ตรงกับประกาศงานและการจัดรูปแบบเรซูเม่ให้อ่านง่ายทั้งสำหรับมนุษย์และ AI จึงเป็นกุญแจสำคัญในการ “ผ่านด่าน” แรกของกระบวนการจ้างงาน

การปรับแต่งเรซูเม่ให้โดดเด่น

แม้ว่า AI จะสร้างข้อความได้เก่งเหมือนเป็นนักเขียนมืออาชีพ แต่สำหรับผู้หางานแล้ว ประโยชน์ของมันไม่ได้หยุดอยู่แค่การเขียนเรียงความ เพราะตอนนี้ AI สามารถ ช่วยเขียนเรซูเม่หรือวิเคราะห์จุดอ่อนของเรซูเม่เดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข่าวดีคือการใช้ AI ช่วยจัดทำหรือปรับเรซูเม่อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานสูงขึ้นถึง 8% เคล็ดลับในการสร้างความได้เปรียบคือ การค้นหา “คีย์เวิร์ด” ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งหรือตลาดงานที่คุณสนใจ แล้วนำคำเหล่านั้นมาใช้ให้เหมาะสมภายในเรซูเม่ของคุณ คุณยังสามารถยกระดับอีกขั้นด้วยการให้ AI ช่วยเน้น คุณสมบัติเด่นหรือประสบการณ์ที่ตรงกับงานนั้นโดยเฉพาะ เพื่อให้โปรไฟล์ของคุณดูเหมาะสมและน่าสนใจยิ่งขึ้น

ฝึกซ้อมสัมภาษณ์งานด้วย AI

คุณสามารถใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT หรือ Interview Warmup จาก Google เพื่อฝึกตอบคำถามสัมภาษณ์งาน โดยระบบจะถามคำถามทั่วไปที่มักพบในสัมภาษณ์ พร้อม วิเคราะห์คำตอบที่คุณพิมพ์หรือพูดออกมา เพื่อชี้ให้เห็นจุดที่ควรปรับปรุง

ในกรณีของ ChatGPT คุณสามารถจำลองสถานการณ์โดยให้ AI แสดงบทบาทเป็นผู้สัมภาษณ์จากบริษัทที่คุณสมัคร และขอให้ AI สร้างคำถามที่เฉพาะเจาะจงตามตำแหน่งที่คุณต้องการ เพื่อให้คุณฝึกซ้อมได้อย่างตรงจุด เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณได้ อย่างไรก็ตาม ควรจำไว้ว่า AI ยังไม่สามารถให้คำแนะนำในเรื่องบุคลิกภาพ ความสุภาพ หรือการปรับตัวตามวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างละเอียด ดังนั้นควรใช้คำแนะนำจาก AI อย่างมีวิจารณญาณ ดังนั้นใช้ AI เป็นเครื่องมือซ้อมได้ แต่อย่าลืมฝึกทักษะการสื่อสารและความเป็นมืออาชีพแบบมนุษย์ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้คุณพร้อมทั้งภายในและภายนอกในการสัมภาษณ์จริง

ใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการหางาน

หลายคนมักเจออุปสรรคตั้งแต่เริ่มต้นหางาน บางคนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ไหน หรือไม่แน่ใจว่าควรสมัครตำแหน่งแบบใด ตอนนี้มีเครื่องมือที่ใช้ AI มากมาย ซึ่งสามารถจับคู่ทักษะ ประสบการณ์ และความสนใจของคุณเข้ากับตำแหน่งงานที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพได้อย่างมีข้อมูลรองรับ

ตัวอย่างเช่น LinkedIn และ Indeed ต่างก็ใช้ Machine Learning เพื่อจับคู่ทักษะและคุณสมบัติของผู้สมัครกับตำแหน่งงานที่ตรงที่สุด เพียงแค่คุณอัปโหลดเรซูเม่หรือกรอกประสบการณ์ทำงาน ระบบก็จะช่วยดึงข้อมูลงานที่เกี่ยวข้องให้กับคุณมากขึ้น จากนั้น คุณก็แค่ปล่อยให้ระบบอัลกอริธึมของ AI ทำงาน คัดเลือกและแสดงตำแหน่งงานที่สอดคล้องกับโปรไฟล์ของคุณโดยอัตโนมัติ จะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม

ข้อควรระวังของการใช้ AI

แม้ว่า AI จะช่วยเหลือคุณได้มาก แต่ก็ยังมีข้อควรระวังที่ควรพิจารณา การสมัครงานแม้จะเป็นกระบวนการที่เป็นทางการ เน้นคุณสมบัติและข้อมูลที่ชัดเจน แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องของ ความเข้ากันได้ในฐานะบุคคลกับวัฒนธรรมและทีมงานของบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถช่วยคุณได้อย่างเต็มที่ แม้จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม

ดังนั้น แม้ AI จะช่วยในเรื่องข้อมูลและการจัดการเอกสารได้ดี แต่ความรู้สึก การสร้างความประทับใจส่วนตัว และการสื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจกันของมนุษย์ ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและ AI ยังทดแทนไม่ได้ในกระบวนการหางานนี้

อย่าพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวในการเขียนเรซูเม่หรือจดหมายสมัครงาน

ควรระลึกไว้ว่าเรซูเม่ที่สร้างด้วย AI อาจขาดความเป็นตัวเองและความจริงใจที่ผู้จ้างงานมักชื่นชอบ และยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ AI เรียนรู้จากข้อมูลที่ถูกป้อนโดยผู้พัฒนาเท่านั้น ถ้าข้อมูลเหล่านั้นล้าสมัยก็มีโอกาสสูงที่เอกสารจะมีข้อมูลไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม เช่น อาจอ้างอิงเนื้อหาจากข่าวเก่า ใช้คำศัพท์ล้าสมัย หรือเน้นคุณสมบัติที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร

นอกจากนี้ การใส่ ความเป็นตัวเองและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลงในเรซูเม่สมัครงานถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น ควรใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วย แต่ควรตรวจสอบและปรับแต่งด้วยตัวเอง เพื่อให้เอกสารของคุณดูน่าสนใจและมีความเฉพาะตัวมากที่สุด

อย่ามองข้ามเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเมื่อต้องใช้แพลตฟอร์มหางานที่ใช้ AI

โดยทั่วไปแล้วคุณควรระมัดระวังและรักษาความลับของข้อมูลส่วนตัวเมื่อแชร์ข้อมูลออกไปและเรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันกับการใช้ AI เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาอาจเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและบริการ ถึงแม้จะมีกฎเกณฑ์ด้านความปลอดภัยที่คุ้มครองข้อมูลผู้ใช้ แต่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็ยังมีความเสี่ยงต่อช่องโหว่หรือการถูกโจมตี

ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวัง อย่าแชร์ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลทางการเงิน รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ในแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือ AI เหล่านี้ เพื่อปกป้องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของตัวคุณเอง

อย่าใช้ AI เป็นตัวแทนคุณแบบเต็มตัว

AI ยังไม่สามารถทดแทน ความเป็นมนุษย์ ในการนำเสนอได้ แม้ว่ามันจะช่วยรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสำเร็จ ทักษะ และคุณสมบัติของคุณได้ดี แต่ AI ขาดความสามารถในการสื่อสารความเป็นตัวตนและเสน่ห์เฉพาะตัวที่เรซูเม่ที่ดีควรจะมี เอกสารเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่เพียงบอกเล่าคุณสมบัติ แต่เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อ เน้นจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ และชักจูงให้นายจ้างเชื่อว่าคุณคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งนั้น

ดังนั้น จึงควรใช้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้แทนเต็มตัวในการสื่อสารเรื่องราวและเอกลักษณ์ของคุณ