สิ่งเล็ก ๆ ที่ทำลายความสำเร็จของ CEO

Published on
Written by

เราทุกคนต่างรู้ดีว่าทีมที่เป็นหนึ่งเดียวกันจะทำงานได้ดีและสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การมีความสามัคคีในทีมผู้นำถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา

ทีมผู้บริหารต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความกดดันสูง การเปลี่ยนแปลงผู้นำบ่อยครั้งจะนำมาซึ่งแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ แต่ก็สร้างความไม่มั่นคงในทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้อาจทำให้ทีมขาดความสามัคคี เกิดความแตกแยก และดำเนินงานล่าช้า หากขาดความสามัคคีเป้าหมายจะขาดความชัดเจนและโอกาสสำคัญอาจหลุดลอยไป

จากการวิจัยล่าสุดของ ICEO View from the C-Suite ที่สำรวจผู้บริหารระดับสูงทั่วโลกจำนวน 2,675 คน พบว่า “การค้นหาบุคลากรที่มีความสามารถสำคัญ” และ “ประสิทธิผลของทีมผู้นำ” เป็นสองความท้าทายภายในองค์กรที่สำคัญที่สุดสำหรับ CEO ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะแค่ผู้นำเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทั้งองค์กร ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร และความสำเร็จในระยะยาวอีกด้วย

ทำไมความสามัคคีในทีมผู้นำจึงสำคัญ

เพื่อก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้ ทีมผู้นำต้องให้ความสำคัญกับความเป็นหนึ่งเดียวและการร่วมมือกัน ทีมผู้บริหารที่มีความสามัคคีไม่ใช่แค่มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันเท่านั้น แต่ยังสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของลำดับความสำคัญ สิ่งนี้ช่วยให้ทีมสามารถจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังคงมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จในระยะยาว

ดังที่ Henry Ford เคยกล่าวไว้ว่า “การมารวมกันคือจุดเริ่มต้น การอยู่ร่วมกันคือความก้าวหน้า การทำงานร่วมกันคือความสำเร็จ”

นี่คือ 3 ขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยสร้างความร่วมมือในทีมผู้บริหาร:

1.สร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน

การทำงานร่วมกันไม่ได้หมายถึงแค่การทำงานเป็นทีมเท่านั้น แต่คือการทำลายกำแพงแบ่งแยกฝ่าย ส่งเสริมความโปร่งใส และทำให้ผู้นำทุกคนมีเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน หากขาดการทำงานร่วมกัน การตัดสินใจจะช้าและการปรับตัวต่อสถานการณ์ใหม่จะเป็นไปได้ยากขึ้น

เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกัน ทีมผู้นำควร:

  • จัดตั้งช่องทางอย่างเป็นระบบสำหรับการพูดคุยอย่างเปิดเผยและการสร้างความเข้าใจตรงกันในเรื่องลำดับความสำคัญ
  • ส่งเสริมวัฒนธรรมที่ทุกคนแบ่งปันข้อมูลและความคิดเห็นอย่างเสรี เพื่อให้ทุกคนมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน
  • กำหนดกระบวนการตัดสินใจที่ชัดเจน เพื่อป้องกันความล่าช้าและอุปสรรคในการทำงาน

2.ลงทุนในการพัฒนาภาวะผู้นำ

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงผู้นำเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บริษัทต้องมีความพร้อมในการพัฒนาทักษะและสนับสนุนผู้นำเพื่อให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้อย่างมั่นใจ การมีแผนพัฒนาภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ผู้นำทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับมือกับความไม่แน่นอนได้ดีขึ้น

องค์กรควร:

  • ออกแบบโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจง เพื่อเสริมสร้างทักษะสำคัญ
  • ใช้ประโยชน์จากที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ในการช่วยแนะนำผู้นำในช่วงการเปลี่ยนผ่าน
  • ใช้เครื่องมือวัดประสิทธิภาพทีม เพื่อสร้างกระบวนการทำงานร่วมกันที่ชัดเจน ปรับบทบาทการตัดสินใจให้วัตถุประสงค์ของผู้นำตรงกัน

3.ส่งเสริมการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่เป็นเอกภาพ

ทีมผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูง คือทีมที่สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล แต่ในทางปฏิบัติ บทบาทที่ไม่ชัดเจน ความขัดแย้งของลำดับความสำคัญ และความไม่สอดคล้องของกลยุทธ์ มักเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจ

เพื่อเสริมสร้างความเป็นเอกภาพในทีมผู้นำ บริษัทควร:

  • กระตุ้นให้ผู้นำคิดเกินกว่าหน้าที่รับผิดชอบของตนเอง และมีมุมมองแบบองค์รวมขององค์กร
  • สร้างวัฒนธรรมที่รับผิดชอบร่วมกัน โดยผู้นำทุกคนมีส่วนร่วมและมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จโดยรวมขององค์กร
  • ปรับทิศทางกลยุทธ์ของทีมผู้นำให้ชัดเจน ช่วยลดความคลุมเครือ และส่งเสริมการดำเนินงานที่เป็นเอกภาพและรวดเร็ว

ความสามัคคีในทีมผู้นำ คือข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน

ในยุคที่ธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทีมผู้นำที่แตกแยกถือเป็นความเสี่ยงที่องค์กรไม่ควรมองข้าม เพื่อรับมือกับความซับซ้อนและความท้าทายในตลาด บริษัทจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนทีมผู้บริหารให้เป็นหน่วยงานที่มีความสามัคคีสูงและมีประสิทธิภาพ เพื่อขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่ยั่งยืนและสร้างความชัดเจนในกลยุทธ์ กุญแจสู่ความสำเร็จคือการให้ความสำคัญกับความร่วมมือและความสามัคคีในทีมผู้นำ เมื่อองค์กรสามารถทำได้ จะไม่เพียงแค่ผ่านพ้นความท้าทายในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับความสำเร็จในระยะยาวอีกด้วย