การถูกเลิกจ้างกระทันหัน

Published on
Written by

ในปัจจุบันการถูกเลิกจ้างถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในทุกธุรกิจและเป็นที่รับทราบว่าอาจจะเกิดขึ้นกับเราในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าหรือแม้แต่ยอมรับว่าถ้าจะเกิดขึ้น ลูกจ้างเหล่านั้นก็ได้มีการเตรียมตัวจากการเรียนรู้จากบริษัทเอง หรือจากบุคคลรอบตัว และถือเป็นโอกาสที่ได้รับเงินก้อน สร้างโอกาสใหม่ ๆ ในอาชีพ หรือไปเรียนต่อ หรือ reskill/upskill โดยใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาพัฒนาตนเองและเติบโตในวันข้างหน้า

การได้รับรู้หรือได้ยินมาถึงการถูกเลิกจ้างก็มักจะเป็นการบอกล่วงหน้า มีการให้การสนับสนุนในการเตรียมตัวเพื่อสร้างความพร้อมในการหางานต่อไป Outplacement Service เลยทำให้คนรู้สึกไม่กังวลมากและมีเวลาในการปรับตัวต่อไป

เลิกจ้างกระทันหันคืออะไร

การบอกเลิกจ้างกระทันหันในที่นี้จะหมายถึง การถูกบอกเลิกจ้างที่มีผลในทันทีโดยที่ลูกจ้างไม่มีทั้งเวลาและโอกาสที่จะได้ส่งงานหรือเวลาที่จะได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน หลังจากบอกเลิกจ้างแล้วลูกจ้างสามารถทำได้เพียงเก็บของใช้ส่วนตัวและคืนเอกสารและอุปกรณ์ให้แก่บริษัท เช่น บัตรประจำตัวพนักงาน โน้ตบุ๊ก บัตรเครดิตถ้ามี และอื่น ๆ ที่ตกลงกับบริษัทไว้

ในขั้นตอนนี้ลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างจะค่อนข้างจะตกใจเพราะไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน ดังนั้นผู้บอกเลิกจ้างต้องให้เวลาลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างในการให้ตั้งสติ ทบทวนเงินชดเชย เงินพิเศษต่าง ๆ และอื่น ๆ ที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนผู้ถูกบอกเลิกจ้างเองก็ควรที่จะอ่านเอกสารสำคัญแล้วตั้งคำถามก่อนที่จะเซ็นเอกสารและออกมาจากห้องที่ถูกจัดไว้สำหรับการบอกเลิกจ้างนี้

กระบวนการบอกเลิกจ้างกระทันหัน ก็จะมี 2 แบบคือ

  1. การถูกบอกเลิกจ้างกระทันหันที่มีผลต่อการเลิกจ้างในทันทีและไม่ได้รับเงินชดเชย ซึ่งการบอกเลิกจ้างแบบนี้ คือ
  • การที่ลูกจ้างทำผิดและมีผลต่อบริษัทอย่างร้ายแรง หลังจากมีการตรวจสอบพิสูจน์แล้วว่าลูกจ้างทำผิดจริง
  • หรือลูกจ้างต้องคดีได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดเว้นแต่เป็นความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
  • หรือเป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกำหนดเวลานั้น ๆ
  1. การถูกบอกเลิกจ้างกระทันหันที่มีผลต่อการเลิกจ้างในทันทีและได้รับเงินชดเชย ซึ่งการบอกเลิกจ้างในลักษณะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับทิศทางของธุรกิจ ซึ่งลักษณะงานนั้นอาจไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เช่น
  • ปิดแผนกใดแผนกหนึ่งไปเลยซึ่งการส่งต่องานจึงไม่จำเป็น
  • หรือเป็นลักษณะงานที่ควบรวมแล้วบริษัทตัดสินใจให้ Hub เป็นผู้ดำเนินการต่อ
  • หรือลูกจ้างคนนั้นทำงานที่เกี่ยวกับความสำคัญของข้อมูลของบริษัท และงาน ข้อมูลที่ลูกจ้างทำมีความจำเป็นต่อบริษัทและมีผลต่อบริษัทในอนาคต เพื่อไม่ให้เกิดการนำคัดลอกเผยแพร่ให้ผู้อื่นหรือแม้แต่เก็บสำรองไว้
  • หรือลักษณะงานมีความเสี่ยงต่อธุรกิจ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจและชื่อเสียงของบริษัทในอนาคต

ผู้ถูกบอกเลิกจ้างกระทันหันจะได้รับอะไรบ้าง

การถูกบอกเลิกจ้างที่มีผลโดยทันทีจึงเพื่อลดความเสี่ยงต่อธุรกิจในอนาคต การถูกบอกเลิกจ้างลักษณะนี้ส่วนใหญ่นายจ้างจะประเมินความเสี่ยงเหล่านั้นและตอบแทนเป็นค่าชดเชยที่สูงขึ้นกว่ากฎหมายแรงงาน แต่ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าไรนั้น สิ่งที่ลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างจะต้องได้รับคือ

  • ค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้างในกรณีทั่วไป เป็นไปตามจำนวนวันที่ลูกจ้างทำงานร่วมงานกับบริษัท โดยนับถึงวันที่ถูกบอกเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงาน
  • ค่าชดเชยจำนวนวันพักร้อนประจำปีที่ลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างยังไม่ได้ใช้ในปีนั้น ๆ
  • ค่าเสียหายหรือค่าตกใจจากการไม่บอกล่วงหน้า เป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้างในอัตราที่ลูกจ้างได้รับอยู่อัตราสุดท้ายโดยคิดเต็มจำนวน ซึ่งโดยปกติการให้ออกจากงานนายจ้างควรบอกกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 30 – 60 วันเพื่อให้ลูกจ้างเตรียมตัวก่อนออกจากงาน แต่ค่าเสียหายจำนวนนี้จะคิดอย่างมากที่สุด ไม่เกินค่าจ้างสามเดือน
  • เงินชดเชยจากประกันสังคมในกรณีว่างงานหรือตกงาน ซึ่งในส่วนนี้ลูกจ้างจะได้รับจากหน่วยงานประกันสังคม ที่จ่ายสมทบมา โดยที่นายจ้างจะต้องเป็นผู้แจ้งต่อหน่วยงานประกันสังคม และจำนวนเงินและระยะเวลาที่ได้รับเงินแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่านายจ้างยื่นแจ้งหน่วยงานประกันสังคมว่าเป็นการเลิกจ้างหรือลูกจ้างลาออก
    1. กรณีถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม ในอัตรา 50% ของรายได้ต่อเดือนโดยคำนวณจากฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาท และมีระยะเวลาการจ่ายทั้งสิ้น 180 วัน (6 เดือน) ภายใน 1 ปี 3ตัวอย่างเช่น นาย ก. เงินเดือน 15,000 บาท เมื่อถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยเดือนละ 7,500 บาท เป็นเวลา 6 เดือนต่อเนื่องหรือน้อยกว่าเมื่อลูกจ้างได้งานใหม่
    2. กรณีลาออกจากงานหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างงานจะได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม 30% ของรายได้ต่อเดือน โดยคำนวณจากฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาทเช่นกัน และมีระยะเวลาการจ่ายทั้งสิ้น 90 วัน (3 เดือน) โดยลูกจ้างต้องอย่ายใต้เงื่อนไขของผู้ได้รับสิทธิเงินชดเชยกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมาตรา 33 เช่น นาย ก. เงินเดือน 15,000 บาท เมื่อลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างจะได้รับเงินชดเชยเดือนละ 4,500 บาทเป็นเวลา 3 เดือนต่อเนื่องหรือน้อยกว่าเมื่อลูกจ้างได้งานใหม่

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการถูกบอกเลิกจ้างกระทันหัน จะมีผลต่อทางจิตใจของลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่ลูกจ้างไม่ได้คาดคิดมาก่อน ไม่ได้เตรียมตัวที่จะต้องเผชิญเหตุการณ์ที่ถูกบอกเลิกจ้าง จึงเกิดความกังวลจนถึงความเครียดส่งผลต่อการหางานใหม่ อีกทั้งการหางานใหม่ในสภาวะปัจจุบันที่ไม่ได้มีโอกาสหางานมา และถ้าบางคนไม่ได้เปลี่ยนงาน ไม่ได้ผ้านการะบวนการสมัครงานมาเป็นหลาย ๆ ปี บวกกับในช่วงที่ผ่านมา กระบวนการสรรหา ตลาดแรงงานปัจจุบัน คู่แข่งในตลาดแรงงานเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงล้วนแต่สร้างความกังวลใจ รวมไปถึงจะบอกคนที่บ้านอย่างไร จะบอกเพื่อน ๆ และพันธมิตรและคู่ค้าในที่ทำงานอย่างไร การถูกบอกเลิกจ้างจะมีผลต่อการต่อรองเงินเดือนมากน้อยเพียงไร ความสามารถของเราไปต่อกับองค์การอื่นได้หรือไม่ วางแผนการเงิน วางแผนการใช้ชีวิตอย่างไร บางคนเครียดจัดกลายเป็นคนปิดตัว ยิ่งทำให้การหางานยากยิ่งขึ้นไปอีก

ดังนั้นการบอกเลิกจ้างกระทันหัน จึงต้องมีการวางแผนที่ดี ประเมินตลาดแรงงานในลักษณะเดียวกัน ประเมินระยะเวลาที่ลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างคาดว่าจะได้งานใหม่เมื่อไหร่ เพื่อช่วยให้การพิจารณาค่าชดเชยสมเหตุสมผลและแบ่งเบาภาระของลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้าง

เช่นเดียวกันตัวลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างควรต้องวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้ปัญหาแต่ละอย่างถูกแก้และคลี่คลายเป็นเรื่อง ๆ เพื่อช่วยลดความกังวลในแต่ละเรื่อง เพื่อจะได้มีเวลาในการเตรียมตัวในการหางาน การเขียน resume กำหนดช่องทางในการหางาน ทำความรู้จักบริษัทจัดหางาน เทคนิคการสัมภาษณ์งานและอื่นๆ ซึ่งการหางานขึ้นอยู่กับโอกาสอีกด้วยเช่นกัน บางคนโชคดีได้งานภายใน 1 เดือน และก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้เวลาถึง 6-12 เดือนในการหางาน

ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างให้ได้งานเป็นไปตามที่คาดหวังไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำแหน่งงานใหม่ ระดับงานที่มีโอกาส บริษัทที่อยากทำ เงินเดือนที่หวัง รวมไปถึงระยะเวลาที่เหมาะสมที่ลูกจ้างเหล่านี้ต้องได้งาน การให้บริษัทที่ให้บริการด้าน Outplacement เข้ามาให้การช่วยเหลือลูกจ้างเหล่านี้จึงจำเป็นมาก ๆ เพราะเทคโนโลยีที่ใช้ในการหางานในปัจจุบันสร้างและเพิ่มโอกาสให้ผู้จ้างมีโอกาสได้บุคลากรที่เหมาะสมกว่า  บริษัทที่ให้บริการด้าน Outplacement ยังช่วยให้คำแนะนำในการหางานผ่านกระบวนการสรรหาบุคคลที่ผ่านการสำรวจ วิเคราะห์ และสร้างผลสำเร็จให้กับลูกค้าอย่างมากมายมาแล้ว และใช้กระบวนการประเมินตนเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักและเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น มองเห็นความสามารถที่โดดเด่น ความสำเร็จในการทำงานที่ผ่านมา รวมทั้งประสบการณ์ที่สามารถนำไปใช้ต่อ อีกทั้งยังให้คำปรึกษาในด้านการทำความเข้าใจกับสภาวะที่เกิดขึ้น การเยียวยา และการเริ่มต้นใหม่ การวางแผนการเงิน และอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า

LHH (Lee Hecht Harrison) เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Outplacement และ Career Transition ดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งให้บริการในการช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างหรือต้องเปลี่ยนสายอาชีพภายในองค์กรและนอกองค์กร  

LHH มีบริการ Outplacement และ Career Transition ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของพนักงานทุกระดับ ที่ต้องการพัฒนาอาชีพใหม่ให้สามารถก้าวข้ามขั้นตอนที่ท้าทายของการเปลี่ยนงานหรืออาชีพได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จโดยทีมที่ปรึกษาจาก LHH จะให้คำปรึกษาในเรื่องการพัฒนาทักษะและการเตรียมตัวสำหรับการสมัครงาน อาทิเช่น เทคนิคการสัมภาษณ์งาน การเขียนประวัติการทำงานอย่างย่ออย่างฉบับมืออาชีพ ทราบถึงข้อมูลตลาดงานในปัจจุบัน การสร้างเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ และอื่น ๆ เพื่อให้พนักงานเริ่มต้นในสายงานใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่[email protected]หรือโทร022586930-35